ประวัติ ของ ประยอม ซองทอง

ประยอม ซองทอง เกิดที่ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ครอบครัวมีอาชีพทำนา จบการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนปิยะมหาราชาลัย จังหวัดนครพนม และได้รับทุนศึกษาต่อที่โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สำเร็จประกาศนียบัตรครูประถม เมื่อ พ.ศ. 2498 และศึกษาต่อคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบการศึกษา พ.ศ. 2502 แล้วไปเป็นครูสอนหนังสือที่โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย จังหวัดนครพนม

ในปี พ.ศ. 2511 เข้าทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่องกันหลายปีจนเกษียณอายุที่บริษัทนี้ ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา ซึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หลังเกษียณอายุเมื่อ พ.ศ. 2533 เป็นนักเขียนอิสระ และอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โรงเรียนสตรีประเทืองวิทย์ และทำงานเป็นผู้บริหารอาวุโส ด้านการประชาสัมพันธ์ ที่บริษัท เทเลคอมเอเซีย ต่อมา ได้รับการแต่งตั้ง เป็นสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2539[1]

ประยอม ซองทอง เริ่มงานเขียนเรื่องสั้น และกลอนตั้งแต่สมัยเรียนที่โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เมื่อเรียนที่จุฬาก็ได้รับการยอมรับในฐานะนักกลอนเอกของมหาวิทยาลัย เป็นสาราณียกรให้กับวารสารของคณะอักษรศาสตร์ และของสโมสรนิสิตจุฬา (ส.จ.ม.)

ประยอม ซองทอง เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดตั้ง "สโมสรสยามวรรณศิลป์" เพื่อส่งเสริมงานด้านภาษา และวัฒนธรรมไทย เป็นนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยคนที่ 12 ระหว่างปี พ.ศ. 2539 - 2520 ได้รับพระราชทานโล่และเข็มประกาศเกียรติคุณ ในฐานะผู้มีผลงานดีเด่นด้านอนุรักษ์ภาษาและวัฒนธรรมไทย จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2548หม่อมเพี้ยน สุรคุปต์ (1 กันยายน พ.ศ. 2442 - 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2481)

ประยอม ซองทอง สมรสกับ หม่อมราชวงศ์อรฉัตร สุขสวัสดิ์ ธิดาหม่อมเจ้าประสมสวัสดิ์ ศุขสวัสดิ โอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี กรมหลวงอดิศรอุดมเดช กับ หม่อมเขียน และหม่อมเจ้าหญิงกาญจนฉัตร ฉัตรไชย ธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน กับ หม่อมเพี้ยน สุรคุปต์ มีบุตรธิดา 3 คน คือ

  • ปริย ซองทอง
  • ปรม ซองทอง
  • ปวร ซองทอง

ใกล้เคียง